การประกอบแผงโซลาร์เซลล์ หมายถึง กระบวนการรวมเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์แต่ละชิ้นเข้าด้วยกันเพื่อสร้างแผงที่ใช้งานได้จริง โดยติดตั้งกรอบ กระจก และชิ้นส่วนทางไฟฟ้าเข้าไป เพื่อทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้า กระบวนการหลายขั้นตอนนี้เริ่มต้นด้วยการคัดแยกและทดสอบเซลล์โซลาร์ (แบบโมโนคริสตัลไลน์ พอลิคริสตัลไลน์ หรือ Thin-film) เพื่อให้แน่ใจว่าเซลล์มีสมรรถนะสม่ำเสมอ เพราะเซลล์ที่ประสิทธิภาพไม่เท่ากันอาจลดประสิทธิภาพโดยรวมของแผงได้ เซลล์เหล่านี้จะถูกบัดกรีต่อกันแบบอนุกรม (เพื่อเพิ่มแรงดันไฟฟ้า) หรือแบบขนาน (เพื่อเพิ่มกระแสไฟฟ้า) โดยใช้ริบบอนที่นำไฟฟ้า สร้างเป็นสายเซลล์ (Cell Strings) จากนั้นจัดเรียงสายเซลล์เหล่านี้บนแผ่นหลัง (โดยทั่วไปทำจาก Tedlar หรือ PVF เพื่อทนต่อสภาพอากาศ) และเคลือบระหว่างชั้นกระจกด้านหน้า (กระจกนิรภัยชนิดต่ำไอรอนเพื่อให้แสงผ่านได้ดี) กับสารเคลือบกันความชื้น (EVA หรือ POE เพื่อยึดชิ้นส่วนและป้องกันความชื้น) โครงสร้างที่เคลือบแล้วจะถูกประกอบกรอบด้วยอลูมิเนียมอัลลอยด์ (6063-T5) เพื่อให้โครงสร้างแข็งแรง พร้อมเจาะรูไว้สำหรับติดตั้งและช่องระบายน้ำเพื่อป้องกันการสะสมของน้ำ ส่วนชิ้นส่วนไฟฟ้า เช่น กล่องต่อสาย (พร้อมไดโอดเพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าไหลย้อน) และตัวต่อ MC4 จะถูกติดตั้งด้านหลังเพื่อเชื่อมต่อกับอินเวอร์เตอร์ การควบคุมคุณภาพมีความเข้มงวด โดยแผงจะต้องผ่านการทดสอบด้วยแสงแฟลชเพื่อตรวจสอบกำลังไฟฟ้า (วัตต์) การทดสอบด้วยอุณหภูมิเปลี่ยนแปลง (เพื่อเลียนแบบสภาพอุณหภูมิที่สุดขั้ว) และการทดสอบแรงดันทางกล (เพื่อให้แน่ใจว่าแผงสามารถทนต่อแรงลมและน้ำหนักหิมะได้) แผงที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงอาจมีการเคลือบสารลดการสะท้อนบนกระจก ออกแบบให้รับแสงได้ทั้งสองด้าน (Bifacial) หรือใช้เซลล์แบบตัดครึ่ง (Half-cut cells) เพื่อลดความต้านทานและเพิ่มความทนทานต่อเงา การประกอบแผงโซลาร์เซลล์จึงเป็นการผสมผสานวิศวกรรมแม่นยำกับวิทยาศาสตร์วัสดุ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ทนทาน (รับประกัน 25–30 ปี) ที่สามารถเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะใช้สำหรับติดตั้งบนหลังคาบ้านเรือน ฟาร์มพลังงานขนาดใหญ่ หรือระบบแบบพกพา ขั้นตอนการประกอบนี้มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพ จึงถือเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการผลิตแผงโซลาร์เซลล์